วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ศิลปะสมัยศรีวิชัย

จากความเชื่อที่ว่ามีอาณาจักรหนึ่งรุ่งเรีองขึ้นใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในระหว่างราวพุทธศตวรรษที่ 13-18 อาจจะมีราชธานีตั้งอยู่ใกล้กันกับเมืองปาเล็มบังในเกาะสุมาตราในปัจจุบัน นี้  บางครั้งอาณาจักรนี้อาจจะได้ครอบครองแหลมมลายูและดินแดนบางส่วนในภาคใต้ของ ประเทศไทยด้วย นักปราชญ์ทางโบราณคดีเรียกชื่ออาณาจักรนี้ว่า "ศรีวิชัย" ตามจารึกที่ค้นพบที่กล่าวมา ได้ส่งผลให้มีการเรียกชื่อศิลปกรรมที่เกิดขึ้นในภาคใต้ของประเทศไทยในช่วง ระยะเวลานั้นว่า "ศิลปะแบบศรีวิชัย"  ศิลปกรรมสกุลช่างนี้ส่วนใหญ่สร้างขึ้นเนื่องในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน และมีรูปแบบที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลจากศิลปะอินเดียสมัยคุปตะ หลังคุปตะ ปาละ-เสนะ และศิลปะชวาภาคกลาง ซึ่งมีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 12 หรือ 13-14 ขณะเดียวกัน ก็ยังได้พบงานสถาปัตยกรรมและประติมากรรมที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะจามและเขมรโบราณ รวมทั้งงานประติมากรรมและศิลาจารึกภาษาทมิฬ ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนโบราณในภาคใต้ของไทยกับ ชุมชนโบราณในประเทศอินเดียตอนใต้ด้วย

สถาปัตยกรรม     
ในปัจจุบันนี้ได้มีการค้นพบสถาปัตยกรรมที่เนื่องในพุทธศาสนา ลัทธิมหายาน ที่ได้มีการสร้างสรรค์ขึ้นบนคาบสมุทรไทยสองประเภท คือ ประเภทแรก ได้แก่ สถูป (Stupa, or Tupa) และประเภทที่สอง ได้แก่ เจติยสถาน (Chaitya Hall)

สถูป


สถูปในศิลปะแบบศรีวิชัยนั้น ถึงแม้ว่าจะปรากฏขึ้นอย่างกว้างขวางทั่วทั้งคาบสมุทรไทยก็ตาม แต่ที่หลงเหลืออยู่ในปัจจุบันนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรม สถูปในศิลปะแบบนี้ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบปาละที่เจริญรุ่งเรือง ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเแยงเหนือของประเทศอินเดีย  เป็นสถูปที่มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม  เหนือส่วนฐานขึ้นไปเป็นรูปจำลองของอาคารทรงมณฑปรูปสี่เหลี่ยม มีซุ้มทั้งสี่ด้าน เหนือส่วนอาคารขึ้นไปเป็นส่วนยอดของสถูป ซึ่งทำเป็นสถูปรูปทรงกลมที่มียอดแหลมขึ้นไป จากสถูปที่มีการค้นพบในขณะนี้ สามารถที่จะจัดแบ่งออกได้เป็นสองรูปแบบ โดยสถูปรูปแบบแรกมีการ
สร้างสรรค์ขึ้นในระหว่างราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 เป็นสถูปที่ได้รับอิทธิพลของศิลปะแบบปาละของอินเดีย ส่วนสถูปในรูปแบบที่สองมีการสร้างสรรค์ขึ้นในระหว่างราวพุทธศตวรรษที่ 16-19 เป็นสถูปที่ได้วิวัฒนาการออกไปจากสถูปในรูปแบบแรกไปสู่รูปแบบทางศิลปะที่ เป็นของท้องถิ่น
สถูปรูปแบบแรก เป็นสถูปที่มีแผนผังเป็นรูปกากบาท ตั้งอยู่บนส่วนฐานที่อาจจะมีเพียงชั้นเดียวหรือซ้อนกันหลายชั้น เหนือส่วนฐานขึ้นไปเป็นส่วนองค์ของสถูปเป็นรูปมณฑปและมีซุ้มทั้งสี่ด้าน เหนือส่วนองค์ของสถูปนี้ขึ้นไปเป็นส่วนยอด ซึ่งทำเป็นสถูปทรงกลม สถูปที่สำคัญในรูปแบบนี้ยังคงปรากฏอยู่หลายแห่ง อาทิ

1)สถูปวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารเป็นสถูปที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ตรงบริเวณประตูทางเข้าของระเบียงของวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นสถูปที่มีส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม ฐานส่วนใหญ่ฝังอยู่ในพื้นดิน เหนือขึ้นมาเป็นส่วนมณฑปของสถูป มีมุขยื่นออกมาทั้งสี่ด้าน เหนือมุขขึ้นไปมีสถูปทรงกลมขนาดเล็กประดับอยู่มุขละองค์ ส่วนตรงกลางเป็นส่วนยอดที่สูงขึ้นไปเป็นสถูปทรงลังกาที่มีฐานเป็นรูปบัวหงาย สถูปองค์นี้มีรูปแบบทางศิลปะคล้ายคลึงกันกับจันทิกาละสัน (Kalasan) ในชวาภาคกลาง ประเทศอินโดนีเซีย ที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 14 และสถูปมิเซิน เอ 1 (Mi Son AI) ที่ดงเดือง ประเทศ   เวียดนาม ที่สร้างขึ้นเมื่อราวปลายพุทธศตวรรษที่ 15 จึงสันนิษฐานว่าสถูปในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารองค์นี้ได้รับการสร้างสรรค์ ขึ้นในระหว่างราวพุทธศตวรรษที่14-15

2) สถูปวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ตำบลเวียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นสถูปที่มักจะเรียกกันโดยทั่วไปว่า " พระบรมธาตุไชยา" ในชั้นเดิมอาจจะมีการสร้างขึ้นในระยะเวลาเดียวกันกับสถูปในวัดแก้ว (หรือวัดรัตนาราม) ที่ตั้งอยู่ใกล้กันกับเมืองโบราณไชยา แต่ระยะหลังอาจจะมีการบูรณะหลายครั้ง จนรูปแบบได้เปลี่ยนแปลงไปมากก็เป็นได้ โดยทั่วไปรูปทรงของสถูปองค์นี้มีลักษณะใกล้เคียงกันกับสถาปัตยกรรมบางหลัง ที่ชวาภาคกลางที่มีรูปสลักไว้บนระเบียงที่สร้างขึ้นโดยรอบสถูปบุโรพุทโธ (Borobudur) ในชวาภาคกลาง ประเทศอินโดนีเซีย แต่จากการที่พระบรมธาตุไชยาได้รับการซ่อมแซมอย่างมากมาย ทำให้มีรายละเอียดเป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถจะนำไปเปรียบเทียบกันได้กับ สถาปัตยกรรมที่ชวาภาคกลางและสถาปัตยกรรมของจามในประเทศเวียดนาม แต่อย่างไรก็ดี โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมของโบราณสถานแห่งนี้มีรูปแบบอย่างเดียวกันกับศาสนา สถานของจาม จากรายงานในปี พ.ศ. 2439 ได้กล่าวว่าฐานเดิมของโบราณสถานแห่งนี้อยู่ลึกลงไปจากระดับผิวดิน 1.00 เมตร รวมทั้งจากปีดังกล่าวจนถึงปี พ.ศ. 2444 ได้มีการซ่อมแซมครั้งใหญ่ ในรายงานการซ่อมแซมของปี พ.ศ. 2439 ได้กล่าวว่า ได้ค้นพบหลักฐานของการซ่อมแซมโบราณสถานแห่งนี้หลายครั้งในอดีต


1 ความคิดเห็น:

  1. เรียนเพื่อนสมาชิก
    เรื่องราวของศรีวิชัยปัจจุบันพบว่ายังเข้าใจผิดและคลาดเคลื่อนอยู่อีกมาก ขอให้ดูบทความใน google ที่จัดทำไว้ดังนี้
    “ศรีวิชัยมีศูนย์กลางอยู่ที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา” หรือภาษาอังกฤษ Srivijaya Empire, the center was in Songkhla,Thailand
    จาก ประจิต ประเสริฐประศาสน์ - ผู้ค้นคว้า, นักวิชาการอิสระ

    ตอบลบ